วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

อุทยานภูหินร่องกล้า จังหวัดเลย


อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 เป็นพื้นที่ที่ มีธรรมชาติแปลก และสวยงาม ทั้งยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์เป็นยุทธภูมิ ที่สำคัญ อันเนื่องจากความขัดแย้งของลัทธิ และแนว ความคิดทางการเมือง อุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้าจึงเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่รักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ ของการสู้รบและความสวยงามทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ลักษณะภูมิอากาศภูหินร่องกล้ามีลักษณะภูมิอากาศคล้าย ภูกระดึงและภูหลวง เนื่องจากมีความสูง ในระดับไล่เลี่ยกัน อากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว อุณหภูมิ จะต่ำประมาณ 4 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบาย ฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส



ด้านประวัติศาสตร์
สุสาน นักรบ
เป็นสถานที่ฝังศพของนักรบทหารปลดแอกแห่งประเทศไทย (ทปท.) ที่เสียชีวิตจากการสู้รบกับทหารฝ่ายรัฐบาล ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ บริเวณลานเอนกประสงค์ ที่หลบภัยทางอากาศ เป็นสถานที่หลบภัยจากการทิ้งระเบิดทางอากาศจากทหารฝ่ายรัฐบาล ส่วนใหญ่เป็น หลืบหินหรือโพรงถ้ำที่ซ่อนตัวในแนวต้นไม้ใหญ่ ทำให้ยากต่อการตรวจการณ์ทาง อากาศ มีอยู่หลายแห่ง แต่เปิดให้นักท่องเที่ยว เข้าชมได้ 2 แห่ง 











ด้านธรรมชาติที่สวยงาม
ลานหินแตก
อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นลานหินที่มีอาณาบริเวณ ประมาณ 40 ไร่ ลานหินมีรอยแตกเป็นแนว เป็น ร่อง เหมือนแผ่นดินแยก รอยแตกนี้บางรอยก็มีขนาดแคบ ขนาดพอคนก้าวข้ามได้ แต่บางรอยก็กว้างจนไม่่สามารถ จะกระโดดข้าม ไปถึง สำหรับความลึกของร่องหินแตกนั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้ี้สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากการโก่งตัว หรือ เคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกออกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณลานหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอสส์ ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ





ลานหินปุ่ม
อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กม. อยู่ริมหน้าผา ลักษณะลานหินซึ่ง มีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มเป็นปมขนาดไล่เลี่ยกัน คาดว่า เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ของ โรงพยาบาล เนื่องจาก อยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบาย














ผาชูธง
อยู่ห่างจากลานหินปุ่มประมาณ 500เมตร เป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเห็นทิวทัศน์ได้กว้าง ไกลโดยเฉพาะภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินจะ สวยงามไม่แพ้จุดชมวิวอื่น ๆ บริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ซึ่งผกค.จะขึ้นไปชูธงแดง (ฆ้อนเคียว) ทุกครั้งเมื่อรบชนะ

สิ่งอำนวยความในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าปัจจุบันมีบ้านพัก บริการจำนวน 9 หลัง พักได้หลังละ 5-7 คน ราคา 1,000-1,600 บาท/คืน เต็นท์ขนาด 20 คน ราคา1,000 บาท/คืน นอกจากนี้ ยังมีค่ายพัก ศูนย์บริการพักผ่อนท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสถานที่ สำหรับกางเต็นท์ ไว้บริการ
สถานที่ติดต่อ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตู้ ป.ณ. 3 อ.นครชัย จ.พิษณุโลก 65120 โทร. 0-5523-3527
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้ 61 ถนนพหลโยธิน
เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0-2579-7223, 0-2579-5734 หรือ 0-2561-4292-4 ต่อ 723,725

ผนที่การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
1.รถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ามีหลายเส้นทาง แต่ที่นิยมกันคือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก ถึงสามแยกบ้านแยง มีป้ายบอกทางแยกขวาผ่านบ้านห้วยตีนตั่ง-บ้านห้วยน้ำไซ-ฐานพัชรินทร์ สู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า ระยะทางประมาณ 31 กิโลเมตร

อีกเส้นทางหนึ่งคือ จากเพชรบูรณ์ตามทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า บ้านวังบาล บ้านเหมืองแบ่ง บ้านแม้วทับเบิก ถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า รวมระยะทางประมาณ 104 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง ค่อนข้างสูงชันและ คดเคี้ยวมาก ควรใช้รถสภาพดีมีกำลังสูงและใช้ความระมัดระวังอย่างมาก
2.รถประจำทาง
ที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีรถสองแถวบริการขึ้นภูหินร่องกล้าทุกวัน วิ่งวันละ 7 เที่ยว ออกเวลา 08.00, 09.30, 11.00, 12.30, 14.00, 15.30 และ 17.00 น. รถจะจอดอยู่บริเวณตลาดสมใจ (ท่ารถนครไทย) ค่าโดยสารคนละ 20 บาท หรือเช่าเหมาคันละประมาณ 550 บาท ถ้าค้างแรมประมาณ 750 บาท
36722

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เกาะสวรรค์ของทะเลตรัง


ถ้ำมรกต เกาะมุก ตรัง
ถ้ำมรกต หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำน้ำ ตั้งอยู่บริเวณ เกาะมุก เป็นถ้ำน้ำทะเลที่เกิดจากมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมีความงดงามตระการตาอย่างมาก จากปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นโพรงเล็ก ๆ จะเข้าออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น ปากถ้ำเป็นโพรงเล็กๆ การเข้าออกจะต้องลอยคอในน้ำ ลอดถ้ำอันมืดมิดผ่านเส้นทางคดโค้ง ระยะทางจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 80 เมตร เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่น ไม่งั้นอาจหลงทางได้ เมื่อพ้นปากถ้ำออกมาอีกด้านหนึ่งจะเป็นหายทรายขาดสะอาด ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน บริเวณโพรงที่ลอดเข้า ถ้ำมรกต จะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเกาะ เมื่อแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะ ทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็จะกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงามในทันที 

การเดินทาง
1. จากจังหวัดตรังใช้ทางหลวงหมายเลข 403 ผ่านอำเภอกันตัง สู่บ้านหาดยาว มีเรือออกไปเที่ยวถ้ำมรกตและดำน้ำดูปะการังทุกวัน ที่ท่าเรือบ้านหาดยาว
2. จากจังหวัดตรังเดินทางสู่ท่าเรือหาดปากเมง แล้วเช่าเหมาเรือไปเที่ยวถ้ำมรกตได้ ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที

วันเวลาเปิด-ปิด- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกต คือ ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นทะเลสาบสีมรกตงดงาม
- เวลาที่แสงจะลอดปากปล่องถ้ำมรกตลงมา คือ ระหว่าง 10.00 – 14.00 น. ซึ่งการลอดถ้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา
-เดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นเวลาที่น้ำลง เพื่อมุดเข้าถ้ำมรกตได้

เกาะไหง

เกาะไหง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เกาะไหง มีความเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยกว่าเกาะลันตามาก เป็นเกาะขนาดเล็ก ไม่มีทางรถยนต์บนเกาะ ไม่เหมือนเกาะลันตา ที่เป็นอำเภอ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เกาะไหงจึงเหมาะสำหรับผู้รักธรรมชาติและท้องทะเลจริงๆ ตลอดชายฝั่งตะวันออกยาว 2.2 กม. เป็นชายหาดสีขาว และแนวปะการังทางปลายเกาะ ทางตะวันออกเฉียงใต้เกาะ มีอ่าวเล็กๆ แถวเกาะไหงรีสอร์ท แถวท่าเรือเป็นแหล่งดำน้ำตื้นชั้นเยี่ยม หากเราเดินต่อไปทางใต้จะพบแหลมกวนอิม คล้ายเจ้าแม่กวนอิม แถวนี้เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นอ่าวโกตงมีหาดทรายยาว 1 กม. เป็นที่ตั้งของKoh Ngai Paradise บนเขาทิศเดียวกันนี้เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เราสามารถดำน้ำเล่นแถวนี้ได้ เราอาจถามเจ้าหน้าที่ให้พาไปจุดชมวิว น่าจะใช้เวลาเดินเท้าสัก 2 กม. เพื่อไปถึงยอดเขาชมวิวทะเลตรังทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ส่วนผมเองยังไม่มีโอกาสขึ้นไปจุดชมวิวที่ว่าเลย หากใครเคยไปช่วยเมล์มาคุยหรือส่งภาพสวยๆ ให้หน่อยจะเป็นพระคุณอย่างสูง



การเดินทาง

ที่ท่าเรือปากเมง จะมีเรือ Speed Boat ให้บริการอยู่ทุกวัน โดยจะใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือปากเมง - เกาะไหง ประมาณ 20 นาที แต่หากท่านเดินทางโดยเรือนำเที่ยวทั่วๆ ไป จะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที






เกาะลิบง 

ด้วยพื้นที่ 25,000 ไร่ ทำให้เกาะลิบงเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง และเนื่องจากรอบ ๆ เกาะเต็มไปด้วยหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารของพะยูนไฮไลต์ของการมาเยือนเกาะนี้จึงอยู่ที่โอกาสที่คุณจะได้เซย์ไฮกับพะยูน สัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ นอกจากนี้ บนเกาะยังเป็นแหล่งรวมนกหลายชนิดทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ เช่น นกหัวโตขาดำ นกนางนวลแกลบเคราขาวฯ จึงได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง โดยรอบ ๆ เกาะมีแหลมและชาดหาดหลายแห่ง เช่น แหลมจุโหย แหลมทวดและหาดตูบ เวลาน้ำลดคุณสามารถเดินจากแหลมไปถึงหาดได้เลย หรือจะขึ้นเขามุกดาเพื่อชมวิวสวยแบบพาโนรามาก็ได้

การเดินทาง 

ลงเรือที่ท่าเรือหาดยาว บ้านเจ้าไหม ค่าเรือคนละ 30 บาท ถ้าเช่าเหมาลำ 10 คน 800 บาท ใช้เวลา 20 นาที บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย



เกาะแหวน

ถือเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำโดยแท้ แค่ลอยตัวออกไปไม่กี่เมตรก็เหมือนดำดิ่งสู่โลกใต้ทะเลลึก ทั้งดอกไม้ทะเล ปะการังเขากวางปะการังอ่อน และฝูงปลา และหลังจากเกิดสึนามิ ก็ได้มีการติดตั้งประติมากรรมใต้ทะเลหลายชิ้นที่รอให้นักดำน้ำได้ดำดิ่งไปชมความงามอีกด้วย

การเดินทาง 

สามารถเหมาเรือจากท่าเรือปากเมง ประมาณ 1.800-2,500 บาท ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะใช้บริการแพ็กเกจทัวร์ในรูปแบบ One Day Tour ซึ่งมีราคาถูกกว่าและยังมีอุปกรณ์ดำน้ำให้ครบด้วย

เกาะเชือก

เป็นเกาะหินเล็ก ๆ ไร้หาด ทว่า กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวจึงต้องใช้เชือกคอยพยุงตัวเวลาดำน้ำ จนกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะ แต่ก็เป็นแหล่งปะการังน้ำลึกและน้ำตื้นที่สมบูรณ์และสวยงาม โดยเฉพาะแนวกัลปังหาห้าสี รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลาหลากชนิด

การเดินทาง 

สามารถเหมาเรือจากท่าเรือปากเมง ประมาณ 1.800-2,500 บาท ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะใช้บริการแพ็กเกจทัวร์ในรูปแบบ One Day Tour ซึ่งมีราคาถูกกว่าและยังมีอุปกรณ์ดำน้ำให้ครบด้วย



ตรังอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 828 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดตรังได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน

1.โดยรถยนต์
จากกรุงเทพฯ ไปตรังได้ 2 เส้นทาง คือ

- ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ผ่าน สุราษฎร์ธานี ทุ่งสง แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 403 สู่อำเภอห้วยยอด จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจนถึงตรัง ระยะทางประมาณ 828 กิโลเมตร

- ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงจังหวัดชุมพร แล้วแยกเข้าระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ระยะทางประมาณ 1,020 กิโลเมตร

2.โดยรถประจำทาง
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ตรัง ออกจากสถานีขนส่ง สายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th ทรัพย์ไพศาลทัวร์ โทร. 0 2884 9584 
ปัจจุบันบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม www.thairoute.com

3.โดยรถไฟ
มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงไปถึงสถานีตรังทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 www.railway.co.th

4.โดยเครื่องบิน
สายการบินที่ให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-ตรัง คือ นกแอร์ โทร. 1318, 0 2900 9955 www.nokair.com วันทูโก โทร. 1126, 0 2229 4100-1 www.fly12go.com 

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ทำบุญที่วัดเจ้าอาม บางขุนนนท์



สวัสดีค่าา วันนีได้มีโอกาสไป ไหว้พระที่วัดเจ้าอาม ตามร้อยหมอลักษณ์ในศึก12ราศีคะ
การเดินทางก็ง่ายมากคะเพราะมีสายรถเมย์ผ่านวัดเจ้าอาม
ดิฉันได้มาทางที่สะดวกที่สุด คือนั่งรถมาลงเดอะมอลล์ท่าพระต่อ 57 ถึงเลยคะ คนมีรถส่วนตัวก็มาสะดวกนะคะ มีที่จอดรถคะ ส่วนคนที่นั่งรถประจำทางก็มีตามนี้เลยคะ
1.จากบางเขน-เมเจอร์รัชโยธิน
  • สาย 59,503ถนนราชดำเนินกลาง โชว์รูมเบนซ์ ตรงข้ามศึกษาภัณฑ์ ต่อสาย 79
  • สาย 34,39,59,63,177,503 อนุสาวรีย์ชัยฯ ต่อรถที่ป้าย รพ.ราชวิถี

2.จากลาดพร้าวแยกรัชดาไปวัดเจ้าอาม
  •  สาย 8,27 ไปลงอนุสาวรีย์ชัย ต่อรถที่ป้าย รพ.ราชวิถี
  •  สาย 44----ถนนราชดำเนินกลาง
  •  สาย 8 ไปลงป้ายสำเพ็ง ลงต่อสาย 40,56 ป้ายแมคโครจรัญฯ (ปากซอยจรัญฯ39)ลงต่อสองแถวสีแดง,สีฟ้าทุกคัน 7 บาท
3.จากอนุสาวรีย์ชัยฯไปวัดเจ้าอาม
  • ป้าย รพ.ราชวิถี สาย 28,125,515,539,542 ไปลงป้ายปลายซอยบางขุนนนท์ เดินย้อนไปข้ามถนนที่นิวรสทิพย์ 
  • สองแถวทุกคัน 7 บาท และ สาย 57 (8 บาท)ข้ามคลองชักพระกรมบังคับคดีลงป้ายตรงข้ามวัดเจ้าอาม (สนง.สาธารณสุข)
4.หมอชิต
  • สาย ปอ.157 และ ปอ.509 ถนนราชดำเนินกลาง ต่อ 79 คะ หรือจะออกไปที่บีทีเอสหมอชิต บีทีเอสอนุสาวรีย์ชัย ก็ไปไม่ยากหรือไปโดยรถไฟใต้ดิน สถานีหัวลำโพง ทางขึ้น 
  • ป้าย รร.บางกอกเซนเตอร์ต่อ 40,542 ป้ายปากวอยจรัญฯ39 ต่อสองแถว
  • ปอ.507---ป้ายปลายซอยบางขุนนนท์ ก็ไปได้คะ
แผนที่ไปวัดเจ้าอามคะ  
วัดเจ้าอาม มีเนื้อที่ 12 ไร่ หน้าวัดด้านทิศตะวันออก มีถนนบางขุนนนท์ตัดผ่านด้านหน้า 
ตามพระราชพงศาวดารกล่าวไว้ว่า 
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2322 สมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี 
พระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงสร้างวัดเจ้าอามขึ้น 
ในท้องที่บ้านลุ่มเชิงเลน เขตชานเมืองธนบุรี 
เพื่ออุทิศพระราชกุศลให้กับพระสนมอาม หรือเจ้าอาม ซึ่งเป็นพระมเหสี

ภายในโบสถ์จะเห็นได้ว่าตกแต่งสวยงามมากคะ

พระวิหารหลวงพ่อโตและก็มีพระเจ้าตากสินด้วยคะ


ลานทำบุญก็จะอยู่หน้าพระวิหารหลวงพ่อโตเลยคะ
นอกจากจะมีไหว้หลวงพ่อโตแล้ว วัดเจ้าอามยังมีบูชาพระราหูด้วยนะคะ
ซื้อที่บูชาพระราหูราคา100บาท ก็สามารถอธิฐานขอพรได้แล้วคะ
วัดเจ้าอามจะไม่อนุญาติให้นำธูปขึ้นไปไหว้บนพรมแดงนะคะ เพราะจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้คะ
ทำบุญตามวันเกิดคะ
มีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำโบราณสมันพระเจ้าตาก
สาธุ สาธุ สาธุ

วัดเจ้าอามเปิดทุกวันนะคะ
8.00-17.00 นะคะ
เว็บไซต์วัดเจ้าอาม : http://www.watchaoam.com/
สอบถามรายระเอียดได้ที่ 02-4350991

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เที่ยววัดพระแก้ว

สวัสดีจ้า วันนี้เราจะพาไปเที่ยวที่"วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" วัดพระแก้วนั้นเอง


วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่นำมาจากกรุงเวียงจันทร์ แต่แท้ที่จริงแล้ว พบเจอวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส
วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม มีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้งใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ
วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมือง ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ
(ข้อมูลจาก วิกิพิเดีย .. )

ตำนานพระแก้วมรกต
สันนิษฐานว่าพระแก้วมรกตนั้นสร้างขึ้นในสมัยเชียงแสน ทำจากหยกสีเขียวเข้ม จำหลักเป็นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 43 ซม. สูง 55 ซม. พบครั้งแรกในเจดีย์วัดป่าญะ จ.เชียงราย ปีพ.ศ. 1977 เป็นพระปูนลงรักปิดทอง ต่อมาปูนกะเทาะจนเห็นองค์จริง พระเจ้าสามฝั่งแกน เจ้าเมืองเชียงใหม่ จึงจัดขบวนช้างมาอัญเชิญ แต่ขบวนช้างไม่ยอมเข้าเมืองเชียงใหม่ เลยนำไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง
พ.ศ. 2011 พระเจ้าติโลกราชทรงอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ แต่ต่อมา พ.ศ.2094 พระเจ้าไชยเชษฐา เจ้าเมืองเชียงใหม่ เสด็จไประงับเหตุพิพาทที่หลวงพระบาง จึงอัญเชิญเสด็จไปด้วย เมื่อหลวงพระบางถูกรุกรานจากพม่าในปี พ.ศ. 2107 พระเจ้าไชยเชษฐาได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เวียงจันทน์ พร้อมกับอัญเชิญพระแก้วมรกตไป
จน พ.ศ. 2321 เมื่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเวียงจันทน์ ได้อัญเชิญลงมาประดิษฐานยังโรงพระแก้ว ณ พระราชวังเดิม ในกรุงธนบุรี ครั้นเสด็จไปปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว ได้อัญเชิญมาประดิษฐานยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชทานนามว่า “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” พร้อมกับสร้างเครื่องทรงฤดูร้อนและฤดูฝนถวาย ส่วนเครื่องทรงฤดูหนาวมาสร้างถวายในรัชกาลที่ 3 และใช้เรื่อยมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมธนารักษ์จัดสร้างเครื่องทรงขึ้นใหม่ทั้งหมด ส่วนของเดิมให้นำไปเก็บไว้ใน พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม





  • กลุ่มพระอุโบสถ เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญสูงสุด มี "พระอุโบสถ" เป็นอาคารประธาน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ล้อมรอบด้วยศาลาราย พระโพธิ์ธาตุพิมาน หอราชพงศานุสรณ์ หอราชกรมานุสรณ์ หอระฆัง หอพระคันธารราษฎร์
ภายในพระอุโบสถได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามตั้งแต่เพดานถึงพื้น กลางห้องประดิษฐาน "พระแก้วมรกต" ในบุษบกทองคำพร้อมด้วยพระพุทธรูปสำคัญมากมาย


  • กลุ่มฐานไพที กลุ่มอาคารบริเวณฐานไพที มีอาคารหลักสามหลัง คือ ปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ และวัตถุประดับตกแต่งอื่น ๆ เช่น รูปปั้นสัตว์หิมพานต์ บุษบกพระราชลัญจกร นครวัดจำลอง พระสุวรรณเจดีย์ และพนมหมาก

  • กลุ่มอาคารและสิ่งประดับอื่น ๆ หอพระนาก พระเศวตกุฏาคารวิหารยอด หอมณเฑียรธรรม พระอัษฎามหาเจดีย์ ยักษ์ทวารบาล และจิตรกรรมฝาผนังที่พระระเบียง ซึ่งมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังจำนวน 178 ห้อง เรียงต่อกันยาวตลอดฝาผนังทั้ง 4 ทิศ มีเนื้อหาจากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์

ชื่อประตูของวัดพระแก้วนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยเราจำได้ เพราะเป็นวัดที่งดงาม ถ้าสังเกตุดีดีชื่อประตูจะคล้องจองกันหมดคะ
  • วิมานเทเวศ 
  • วิเศษชัยศรี 
  • มณีนพรัตน์ 
  • สวัสดิโสภา 
  • เทวาพิทักษ์ 
  • ศักดิ์ชัยสิทธิ์ 
  • วิจิตรบรรจง 
  • อนงคารักษ์ 
  • พิทักษ์บวร 
  • สุนทรทิศา 
  • เทวาภิรมณ์ 
  • อุดมสุดารักษ์ 
สนามบริเวณตกแต่งไว้สวยงามมากคะ

การแต่งกายเข้าวัดพระแก้ว
การเข้ามาชมไปวัดพระแก้ว ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานทั้งยังเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของชาติ จึงต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ อีกทั้งควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัด ได้แก่ ห้ามสวมเสื้อแขนกุด สายเดี่ยว หรือเสื้อที่เปิดไหล่ทุกชนิด, ห้ามสวมใส่กางเกงขาสั้น กางเกงสามส่วน กางเกนยีนส์ขาด ๆ ส่วนกระโปรงก็ไม่สั้นจนเกินไป ทางที่ดีควรเลยหัวเข่าลงมา ส่วนรองเท้าก็ควรเป็นรองเท้าสุภาพ

ทั้งนี้ หากเครื่องแต่งกายของคุณไม่เหมาะสมหรือถูกต้อง ทางสำนักพระราชวังได้จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ยืมฟรี บริเวณประตูวิเศษไชยศรี แต่ต้องวางเงินประกันชิ้นละ 100 บาท กับบัตรประชาชนเอาไว้ และเมื่อเอาชุดมาคืนทางเจ้าหน้าที่ก็จะคืนทุกอย่างให้หมด


แผนที่ไปวัดพระแก้วคะ

ค่าใช้จ่าย เปิดทุกวัน ตั้ง แต่วันจันทร์ –อาทิตย์ เวลา 08.00 น. - 16.00 น. 

คนไทย ฟรี ชาวต่างชาติ เสียตังคะ

ที่อยู่/โทรศัพท์ ถนนหน้าพระลาน พระบรมมหาราชวัง พระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร 02-224-3290
การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว
เดินทางไป ถนนราชดำเนิน ตรงไปทางสนามหลวง จะเห็นวัดพระแก้วอยู่ติดๆกับสนามหลวงเลยครับ
รถเมล์
สายที่ผ่าน สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91, 201,
203, 501, 503,508, 512